หลังสังคมจับตาการจัดตั้งรัฐบาลของ 2 ขั้วพรรคการเมือง “เพื่อไทย” และ “พลังประชารัฐ” ในที่สุด พรรคเพื่อไทย ก็ได้ประกาศจับมือกับพันธมิตรร่วมอุดมการณ์ต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. อย่าง พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ และพรรคพลังปวงชนไทย จัดตั้งรัฐบาลที่เรียกตัวเองว่าฝั่งประชาธิปไตย โดยพรรคอนาคตใหม่ ลั่นวาจาชู คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นั่งแท่นชิงตำแหน่งนายกฯ ด้วยเหตุผลว่า “เหมาะสมที่สุด” ส่วนพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่ได้ ส.ส. 6 คน แม้จะไม่ได้มาตามนัด แต่ภายหลัง นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ให้สัมภาษณ์ยืนยันรักษาสัจจะ ทำให้ขณะนี้ขั้วเพื่อไทย ที่ขนานนามตั้งตนว่า “ขั้วประชาธิปไตย” ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย มีเสียง ส.ส. รวมทั้งหมด 246 เสียง
ขณะที่ “พรรคพลังประชารัฐ” ประกาศเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลเช่นกัน โดยอ้างความชอบธรรมจำนวนเสียงที่ประชาชนเลือกมาว่ามีมากกว่าพรรคเพื่อไทย แม้พรรคพลังประชารัฐจะยังไม่เปิดรายชื่อพรรคในสังกัด แต่ดูเหมือนว่า การรวมพรรคเพื่อให้ฐานเสียงเพียงพอกับการสนับสนุน “พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นนายกฯ อีกสมัย จะยากอยู่พอสมควร หากจะให้รอดจากการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งนอกจากจะต้องได้พรรคตัวแปรมาทั้งหมด คือ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคเล็กทั้งหมดแล้วที่รวมกับพรรคตนเอง และพรรครวมพลังประชาชาติไทย ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แล้วก็ยังคงได้เพียง 254 เสียง ยังจะต้องหา “งูเห่า” มาให้ได้อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อความมั่นคงในสภาผู้แทนราษฎร หรือสภาล่างที่จะต้องผ่านร่างงบประมาณประจำปี เพื่อให้รอดพ้นจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้แบบไม่ต้องมาคอยนับจำนวน ส.ส. ทุกชั่วโมง ซึ่งคงหนีไม่พ้นการหา “งูเห่า” จากพรรคเพื่อไทย ที่ก่อนหน้านี้พรรคพลังประชารัฐเคยดูดอดีต ส.ส. มาได้แล้วจำนวนหนึ่งในช่วงก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เองก็กำลังปั่นป่วน หลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แสดงสปิริตลาออกรับผิดชอบที่ได้ ส.ส. น้อยกว่าจำนวนที่ลั่นวาจาไว้ ทำให้เกิดศึกภายในแย่งเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ และพร้อมที่จะเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของนายถาวร เสนเนียม เงาของนายสุเทพ ที่นัดประชุมว่าที่ ส.ส. นอกรอบ แต่ก็ยังไม่วายถูกกลุ่ม ส.ส. รุ่นใหม่ New Dem ประกาศไม่เอาด้วย งานนี้จึงต้องรอดูกันต่อไป
แม้พรรคเพื่อไทยจะรวบรวมเสียงจับขั้วได้ 246 เสียง แต่ก็ยังคงไม่เพียงพอต่อการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี และจัดตั้งรัฐบาลที่ต้องมีจำนวน 376 เสียง และมีโอกาสเพียงริบหรี่เช่นกันที่พรรคตัวแปรจะหันมาสนับสนุนทั้งหมด ท้ายที่สุด สุดท้ายจะมี “งูเห่า” เกิดขึ้นจำนวนเท่าไร พรรคพลังประชารัฐ หรือ พรรคเพื่อไทย จะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ หรือลงเอยที่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยไปก่อน แล้วดึงงูเห่าเข้าร่วมภายหลัง โดยเสนอตำแหน่งให้ “งูเห่า” ในรัฐบาลก็มีความเป็นไปได้ทั้งสิ้น หรือสุดท้ายจะยังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้กำหนดระยะเวลา ...ก็แค่รัฐบาลชุดปัจจุบัน และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไปเรื่อย ๆ ก็เท่านั้นเอง